วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

ชื่อโครงการ ตุ๊กตาการบูรจากถุงเท้า

ชื่อโครงการ  ตุ๊กตาการบูรจากถุงเท้า
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1. การบูร (Ka-ra-bun), Camphor tree, Formosan camphor
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cinnamomum camphora T.Fries
             Syn. : Camphora officinarum Nees.
                          Lauras camphora Linn.
วงศ์ LAURACEAE
ชื่ออื่นๆ
            ไทย : อบเชยญวน (Op-choei-yuan)                         เงี้ยว : พรมเส็ง (Phrom-seng)
            มาเลเซีย : คาปูร์ ตอฮอร์ (Kapur tohor)
ถิ่นกำเนิด
https://lh4.googleusercontent.com/p9uDgCi4-mSTKboebB6ZznBRt_i0F7F9aV1GX-cnsnYv8mzfjdNOweq5qBjbFD42u3YmVltzoHUgsxhTEXx9nKz4JgjLCXsxM7lL1nJs3WRooB_vSBk

            ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย อินเดีย
รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ใบสีเขียวแก่เป็นมัน เป็นไม้ที่ชอบขึ้นในประเทศที่มีอากาศหนาว ดอกเล็กสีเหลืองมีผลสีชมพู มีรสหอมร้อน
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา                รับประทานแก้ปวดท้องจุกเสียด ธาตุพิการ ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ขับน้ำเหลือง ใช้เป็นยาทาเพื่อถอนพิษอักเสบชนิดเรื้อรัง
              การบูร เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีกิ่งก้านสาขามาก สีเขียวตลอดปี เป็นไม้พื้นเมืองของจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน การบูรจากธรรมชาติเป็นผลึกเล็กๆ เกิดอยู่ทั่วไปทั้งต้น มักจะอยู่ตามรอยแตกของเนื้อไม้ มีมากที่สุดในแก่นของราก ส่วนที่อยู่ใกล้โคนต้นจะมีมากกว่าส่วนที่อยู่ในระดับสูงขึ้นมา ส่วนมากการบูรจะละลายอยู่ในน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในลำต้นของการบูร การผลิตในไต้หวันใช้กลั่นจากส่วนของลำต้น โดยใช้ลำต้นและรากจากพืชที่มีอายุเกิน 40 ปี นำมาเลื่อยและสับเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปกลั่นโดยใช้ไอน้ำ น้ำมันที่กลั่นได้จะอยู่ในภาชนะที่รองรับ ในภาชนะนั้นจะเห็นการบูรตกผลึกออกมาจากน้ำมันการบูรแยกผลึกออกมาอัดเป็นก้อน
              ก่อน สงครามโลกครั้งที่ 2 การปลูกและการผลิต การบูรจากธรรมชาติส่วนใหญ่มาจากไต้หวัน ซึ่งญี่ปุ่นยึดครองอยู่ การผลิตจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมีข้อกำหนดว่าถ้าโคนต้นการบูรลง 1 ต้น จะต้องปลูกชดเชย 1 ต้น เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ เนื่องจากการบูรโตช้า และต้องรอนานกว่าจะนำมากลั่นได้ ในอเมริกาจึงใช้กลั่นจากใบและยอดอ่อน ผลที่ได้จะน้อยกว่า แต่มีข้อดีที่ผลิตได้เร็วกว่า และตลอดเวลาการเก็บใบจะเก็บได้เมื่อต้นมีอายุ 5 ปี ก็สามารถตัดใบและกิ่งมากลั่นได้แล้ว และหลังจากตัดใบแล้วประมาณ 2 เดือน ใบใหม่จะงอกขึ้นมาแทน เมื่อรวมแล้วอาจได้ผลผลิตมากกว่า และไม่เป็นการทำลายต้นไม้ด้วย ต่อมาได้มีการสังเคราะห์การบูรขึ้นมาใช้แทน ลักษณะและการนำมาใช้จะเหมือนกันคือลักษณะของการบูรเป็นผลึกเม็ดเล็กๆ มีกลิ่นหอมเฉพาะ และซ่า รสเผ็ดร้อน หอม และตามมาด้วยความรู้สึกเย็นซ่า ละลายน้ำได้น้อย เมื่อนำมาบดกับเมนทอล คลอรอลไฮเดรท ซาลอล แนพธอล หรือฟีนอล ในปริมาณเท่าๆ กันจะเกิดเป็นของเหลว การบูรสามารถบดเป็นผงละเอียดได้ถ้าใส่แอลกอฮอล์เล็กน้อย การบูรระเหิดได้ที่อุณหภูมิห้องทำให้เห็นจับกันเป็นผลึกอยู่ที่ผนังด้านใน ของภาชนะที่ใช้เก็บ การนำมาใช้ประโยชน์ ถ้าใช้ภายนอก จะมีฤทธิ์เฉพาะที่ต่อผิวหนัง และเนื้อเยื่อโดยทำเป็นยาเตรียมในรูปแบบของเหลว หรือกึ่งแข็ง ใช้ทาถูนวด แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้ปวดตามข้อ ทาเพื่อให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากๆ และอาจใช้ร่วมกับเมนทอล หรือฟีนอล ทาแก้อาการคันที่ผิวหนัง ใช้ภายในเป็นยาฆ่าเชื้อ และยาขับลม หรือใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ในกรณีที่คนไข้หยุดหายใจกะทันหัน หรือระบบไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว โดยทำเป็นยาฉีดที่ละลายในน้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก เนื่องจากการบูรจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้มีผลต่อการหายใจและความดันโลหิต ในการใช้การบูรเป็นยาภายใน ถ้าใช้ในขนาดมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ชัก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ถ้าใช้ภายในจะใช้ขนาด 200 มิลลิกรัม ส่วนภายนอกจะใช้ 1-3% สารที่ใกล้เคียงกับการบูรคือ พิมเสน ซึ่งจะเกิดเป็นผลึกอยู่ในรอยแตกของเนื้อไม้ของต้นพิมเสน ขูดเอาผลึกออกมาได้โดยไม่ต้องกลั่น ผลึกคล้ายการบูร แต่ไม่ระเหิดที่อุณหภูมิห้อง ราคาจะแพงกว่าการบูร ใช้เป็นยาดมแก้วิงเวียน รับประทานแก้จุกเสียดแน่นท้อง อีกชนิดหนึ่งคือ สารที่ได้จากการกลั่นต้นหนาดหลวง มีลักษณะคล้ายการบูร ใช้กันมาในจีนและญี่ปุ่น
              ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ซึ่งมีส่วนประกอบของการบูรอยู่คือ พิมเสนน้ำ ซึ่งมีส่วนผสมเป็นเมนทอล พิมเสน การบูร การนำการบูรมาใช้มีข้อควรระวังคือ สมัยโบราณนำมาใช้ใส่ในตู้เสื้อผ้าเพื่อไล่แมลง กำจัดกลิ่นอับชื้น ปัจจุบันมีการบูรบรรจุในถุงที่สวยงาม เพื่อนำมาใช้กำจัดกลิ่นตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในบ้านเรือน รถยนต์ ซึ่งถ้าอยู่ในที่จำกัด การบูรจะระเหิดออกมา เมื่อสูดดมเข้าไปมากๆ จะระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ การบูรเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีกิ่งก้านสาขามาก สีเขียวตลอดปี เป็นไม้พื้นเมืองของจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน การบูรจากธรรมชาติเป็นผลึกเล็กๆ เกิดอยู่ทั่วไปทั้งต้น มักจะอยู่ตามรอยแตกของเนื้อไม้ มีมากที่สุดในแก่นของราก ส่วนที่อยู่ใกล้โคนต้นจะมีมากกว่าส่วนที่อยู่ในระดับสูงขึ้นมา ส่วนมากการบูรจะละลายอยู่ในน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในลำต้นของการบูร การผลิตในไต้หวันใช้กลั่นจากส่วนของลำต้น โดยใช้ลำต้นและรากจากพืชที่มีอายุเกิน 40 ปี นำมาเลื่อยและสับเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปกลั่นโดยใช้ไอน้ำ น้ำมันที่กลั่นได้จะอยู่ในภาชนะที่รองรับ ในภาชนะนั้นจะเห็นการบูรตกผลึกออกมาจากน้ำมันการบูร แยกผลึกออกมาอัดเป็นก้อน
            ก่อน สงครามโลกครั้งที่ 2 การปลูกและการผลิต การบูรจากธรรมชาติส่วนใหญ่มาจากไต้หวัน ซึ่งญี่ปุ่นยึดครองอยู่ การผลิตจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมีข้อกำหนดว่าถ้าโคนต้นการบูรลง 1 ต้น จะต้องปลูกชดเชย 1 ต้น เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ เนื่องจากการบูรโตช้า และต้องรอนานกว่าจะนำมากลั่นได้ ในอเมริกาจึงใช้กลั่นจากใบและยอดอ่อน ผลที่ได้จะน้อยกว่า แต่มีข้อดีที่ผลิตได้เร็วกว่า และตลอดเวลาการเก็บใบจะเก็บได้เมื่อต้นมีอายุ 5 ปี ก็สามารถตัดใบและกิ่งมากลั่นได้แล้ว และหลังจากตัดใบแล้วประมาณ 2 เดือน ใบใหม่จะงอกขึ้นมาแทน เมื่อรวมแล้วอาจได้ผลผลิตมากกว่า และไม่เป็นการทำลายต้นไม้ด้วย ต่อมาได้มีการสังเคราะห์การบูรขึ้นมาใช้แทน ลักษณะและการนำมาใช้จะเหมือนกันคือลักษณะของการบูรเป็นผลึกเม็ดเล็กๆ มีกลิ่นหอมเฉพาะ และซ่า รสเผ็ดร้อน หอม และตามมาด้วยความรู้สึกเย็นซ่า ละลายน้ำได้น้อย เมื่อนำมาบดกับเมนทอล คลอรอลไฮเดรท ซาลอล แนพธอล หรือฟีนอล ในปริมาณเท่าๆ กันจะเกิดเป็นของเหลว การบูรสามารถบดเป็นผงละเอียดได้ถ้าใส่แอลกอฮอล์เล็กน้อย การบูรระเหิดได้ที่อุณหภูมิห้องทำให้เห็นจับกันเป็นผลึกอยู่ที่ผนังด้านใน ของภาชนะที่ใช้เก็บ การนำมาใช้ประโยชน์ ถ้าใช้ภายนอก จะมีฤทธิ์เฉพาะที่ต่อผิวหนัง และเนื้อเยื่อโดยทำเป็นยาเตรียมในรูปแบบของเหลว หรือกึ่งแข็ง ใช้ทาถูนวด แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้ปวดตามข้อ ทาเพื่อให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากๆ และอาจใช้ร่วมกับเมนทอล หรือฟีนอล ทาแก้อาการคันที่ผิวหนัง ใช้ภายในเป็นยาฆ่าเชื้อ และยาขับลม หรือใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ในกรณีที่คนไข้หยุดหายใจกะทันหัน หรือระบบไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว โดยทำเป็นยาฉีดที่ละลายในน้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก เนื่องจากการบูรจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้มีผลต่อการหายใจและความดันโลหิต ในการใช้การบูรเป็นยาภายใน ถ้าใช้ในขนาดมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ชัก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ถ้าใช้ภายในจะใช้ขนาด 200 มิลลิกรัม ส่วนภายนอกจะใช้ 1-3% สารที่ใกล้เคียงกับการบูรคือ พิมเสน ซึ่งจะเกิดเป็นผลึกอยู่ในรอยแตกของเนื้อไม้ของต้นพิมเสน ขูดเอาผลึกออกมาได้โดยไม่ต้องกลั่น ผลึกคล้ายการบูร แต่ไม่ระเหิดที่อุณหภูมิห้อง ราคาจะแพงกว่าการบูร ใช้เป็นยาดมแก้วิงเวียน รับประทานแก้จุกเสียดแน่นท้อง อีกชนิดหนึ่งคือ สารที่ได้จากการกลั่นต้นหนาดหลวง มีลักษณะคล้ายการบูร ใช้กันมาในจีนและญี่ปุ่น
            ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ซึ่งมีส่วนประกอบของการบูรอยู่คือ พิมเสนน้ำ ซึ่งมีส่วนผสมเป็นเมนทอล พิมเสน การบูร การนำการบูรมาใช้มีข้อควรระวังคือ สมัยโบราณนำมาใช้ใส่ในตู้เสื้อผ้าเพื่อไล่แมลง กำจัดกลิ่นอับชื้น ปัจจุบันมีการบูรบรรจุในถุงที่สวยงาม เพื่อนำมาใช้กำจัดกลิ่นตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในบ้านเรือน รถยนต์ ซึ่งถ้าอยู่ในที่จำกัด การบูรจะระเหิดออกมา เมื่อสูดดมเข้าไปมากๆ จะระคายเคืองต่อระบบทางเดิน
















https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT34p8sWaVOAIoTjBCaMNXeD8pfSk_7S5ivYTK7ARB5pXJU3tVCMw
 





2. ใยสังเคราะห์
เส้นใย หมายถึง สิ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นยาวเรียว องค์ประกอบของเซลล์ ส่วนใหญ่ เป็นเซลลูโลส เกิดจากการรวมตัวของพอลิแซคคาไรด์ (polysaccharide) ของกลูโคส (glucose) ซึ่งโมเลกุลของเซลลูโลสเรียงตัวกันในผนังเซลล์ของพืชเป็นหน่วยเส้นใยขนาดเล็กมาก เกิดการเกาะจับตัวกันเป็นเส้นใยขึ้น 
ประเภทใยสังเคราะห์
             เส้นใยจากธรรมชาติ ได้แก่ เส้นใยที่มีอยู่ในธรรมชาติ แบ่งได้เป็น
เส้นใยจากพืช ได้แก่ เส้นใยจากเซลลูโลส เป็นเส้นใยที่ประกอบด้วยเซลลูโลส ซึ่งได้จากส่วนต่างๆของพืช เช่น ป่าน ปอ ลินิน ใยสับปะรด ใยมะพร้าว ฝ้าย นุ่น ศรนารายณ์ เป็นต้น เซลลูโลส เป็น โฮโมพอลิเมอร์ ประกอบด้วยโมเลกุลของกลูโคสจำนวนมาก มีโครงสร้างเป็นกิ่งก้านสาขา
เส้นใยจากสัตว์ ได้แก่ เส้นใยโปรตีน เช่น ขนสัตว์ (wool) ไหม (silk) ผม (hair) เล็บ เขา ใยไหม เป็นต้น เส้นใยเหล่านี้ มีสมบัติ คือ เมื่อเปียกน้ำ ความเหนียวและความแข็งแรงจะลดลงถ้าสัมผัสแสงแดดนานๆ จะสลายตัว
เส้นใยจากสินแร่ เช่น แร่ใยหิน (asbestos) ทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมี ทนไฟ ไม่นำไฟฟ้า
เส้นใยสังเคราะห์
เป็นเส้นใยที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นจากสารอนินทรีย์หรือสารอินทรีย์ใช้ทดแทนเส้นใยจากธรรมชาติ แบ่งเป็น 3 ประเภท
เส้นใยพอลิเอสเตอร์ เช่น เทโทรอน ใช้บรรจุในหมอน เพราะมีความฟูยืดหยุ่นไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง สำหรับดาครอน (Dacron) เป็นเส้นใยสังเคราะห์พวกพอลิเอสเทอร์อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Mylar มีประโยชน์ทำเส้นใยทำเชือก และฟิล์ม
เส้นใยพอลิเอไมด์ เช่น ไนลอน (Nylon) เป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์มีหลายชนิด เช่น ไนลอน 6,6 ไนลอน 6,10 ไนลอน 6 ซึ่งตัวเลขที่เขียนกำกับหลังชื่อจะแสดงจำนวนคาร์บอนอะตอมในมอนอเมอร์ของเอมีนและกรดคาร์บอกซิลิก ไนลอนจัดเป็นพวกเทอร์มอพลาสติก มีความแข็งมากกว่าพอลิเมอร์แบบเติมชนิดอื่น (เพราะมีแรงดึงดูดที่แข็งแรงของพันธะเพปไทด์) เป็นสารที่ติดไฟยาก (เพราะไนลอนมีพันธะ C-H ในโมเลกุลน้อยกว่าพอลิเมอร์แบบเติมชนิดอื่น) ไนลอนสามารถทดสอบโดยผสมโซดาลาม (NaOH + Ca(OH) 2) หรือเผาจะให้ก๊าซแอมโมเนีย ประโยชน์ของไนลอน ใช้ในการทำเสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงน่อง ขนแปรงต่างๆ สายกีต้าร์ สายเอ็น ไม้แร็กเก็ต เป็นต้น
 เส้นใยอะคริลิก เช่น ออร์ใช้ในการทำเสื้อผ้า ผ้านวม ผ้าขนแกะเทียม ร่มชายหาด หลังคากันแดด ผ้าม่านพรมเป็นต้น
 เซลลูโลสแอซีเตด  เป็นพอลิเมอร์ที่เตรียมได้จากการใช้เซลลูโลสทำปฏิกิริยากับกรดอซิติกเข้มข้น โดยมีกรอซัลฟูริกเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา การใช้ประโยชน์จากเซลลูโลสอะซีเตด เช่น ผลิตเป็นเส้นใยอาร์แนล 60 ผลิตเป็นแผ่นพลาสติกที่ใช้ทำแผงสวิตช์และหุ้มสายไฟ
เส้นใยกึ่งสังเคราะห์
เป็นเส้นใยที่ได้จากการนำสารจากธรรมชาติ มาปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น การนำเซลลูโลสจากพืชมาทำปฏิกิริยากับสารเคมีบางชนิด เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ นำมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเส้นใยธรรมชาติ ตัวอย่างเส้นใยกึ่งสังเคราะห์ เช่น วิสคอสเรยอง แบมเบอร์กเรยอง เป็นต้น
             คุณสมบัติของใยสังเคราะห์
โครงสร้างทางกายภาพ องค์ประกอบทางเคมี และการเรียงตัวของโมเลกุลของเส้นใย เป็นสมบัติซึ่งมีผลโดยตรงต่อสมบัติของผ้าที่ทำขึ้นจากเส้นใยนั้นๆ เส้นใยโดยทั่วไปควรมีคุณสมบัติดังนี้คือ
  • มีความแข็งแรง และทนทาน (strength and durability)
  • สามารถปั่นได้ (can be spun)
  • มีความสามารถในการดูดซับดี (absorbency)
โดยทั่วไปผ้าที่ผลิตจากเส้นใยที่แข็งแรงจะมีความแข็งแรงทนทานตามไปด้วย หรือผ้าที่ผลิตขึ้นจากเส้นใยที่สามารถดูดซับน้ำได้ดีจะส่งผลให้ผ้าสามารถดูดซับน้ำและความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในส่วนที่มีการสัมผัสกับผิวและดูดซับน้ำ เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าอ้อม เป็นต้น ดังนั้นการทราบสมบัติของเส้นใย จะทำให้สามารถทำนายสมบัติของผ้าที่มีเส้นใยนั้นๆ ได้และทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกชนิดของผลิตภัณฑ์ประเภทได้ถูกต้องตามความต้องการที่จะนำไปใช้งาน
             การผลิตเส้นใย
1.การผลิตเส้นใยจากปอกล้วย
2.การผลิตเส้นใยไหม
ประโยชน์ของเส้นใยธรรมชาติ 
1) เส้นใยที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ คือ พืชที่ให้เส้นใยที่สามารถนำไปปั่นเป็นด้าย เช่น ฝ้าย ปอแก้ว
,ป่านลินิน,ป่านรามี,กระชง
2) เส้นใยที่ใช้ยัดเป็นไส้ใน เช่น ส่วนของหมอน ฟูก ที่นอน ผ้านวม ได้แก่ นุ่น ฝ้าย งิ้ว มะพร้าว
3) เส้นใยที่ใช้ทำกระดาษ หรือเยื่อกระดาษ เช่น ปอแก้ว ปอกระเจา ปอแก้วคิวบา ไผ่ ยูคาลิปตัส สน ฟางข้าวหญ้าขจรจบ
4) เส้นใยที่ใช้ทำเชือก เป็นลักษณะรวมเส้นใย หรือกลุ่มเส้นใยขนาดใหญ่ ทำเกลียวถัก หรือฟั่น ทำเป็นเชือกเช่นปอแก้ว
,มะพร้าว,ป่านศรนารายณ์
5)ใช้ทำแปรงทอเป็นผืนแบบเสื่อเช่นป่านศรนารายณ์
,กก,มะพร้าว
6)ใช้ทำสิ่งของอื่นๆเช่นย่านลิเภา
,กก,ไผ่,จักสาน,ต้นหวาย,ซึ่งเป็นตระกูลปาล์ม
ประโยชน์ของเส้นใยสังเคราะห์ 
1)เส้นใยพอลิเอสเตอร์ใช้ในการทำเชือก
,ด้าย,แห,อวน
2) เส้นใยพอลิเอไมด์ ใช้ในการทำเสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงน่อง ขนแปรงต่างๆ สายกีต้าร์ สายเอ็น ไม้แร็กเก็ตเป็นต้น
3) เส้นใยอะคริลิก ใช้ในการทำเสื้อผ้า ผ้านวม ผ้าขนแกะเทียม ร่มชายหาด หลังคากันแดด ผ้าม่าน พรมเป็นต้น
4)เซลลูโลสแอซีเตดใช้ผลิตเป็นแผ่นพลาสติกที่ใช้ทำแผงสวิตช์และหุ้มสายไฟ

ข้อดี ข้อเสียของเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์

http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/image2555/image_1/ascetic_exercise/141.jpg

1 ความคิดเห็น:

  1. Playtech's new mobile casino and slots mobile - DRMCD
    Playtech's new mobile casino and slots mobile app is now available in 평택 출장안마 the App Store. You can enjoy classic 익산 출장마사지 casino 전주 출장안마 games 충청남도 출장안마 such as Blackjack, Roulette, 창원 출장안마

    ตอบลบ